“การเนรคุณคน” ไม่เคยทำให้ใครยิ่งใหญ่และได้ดี
คนที่เข้ามาหาคุณนั้น… มีหลายแบบ
เราจงรู้จักแยกให้ออก บ้างก็เรื่องจริง
บ้างก็แค่ละคร ให้ดูน่าสงส าร บางครั้ง
คุณยื่นมือเข้าไปช่วย แทนที่จะได้รับ
สิ่งที่ดีคืนมา กลายเป็นความซ ว ย
แต่คุณเชื่อเหอะ ถ้าเขาไม่รู้จักบุญคุณ
ทำอะไรก็ไม่ขึ้น ไม่เจริญหรอก ชีวิต
เหมือนจะดีแต่ก็ไม่ ดี เหมือนจะราบรื่น
แต่ก็ไม่ราบรื่น ล้ ม ลุกคลุกคลานอยู่
ที่เดิม สุดท้ายก็พั ง ไม่เป็นท่า โดยที่
คุณไม่ต้องทำอะไร ทำสิ่งใด ไม่ต้อง
“ทวง บุ ญคุณ” ดีที่สุดคือ เ ลิ กคบ
ออกไปให้ไกลจากชีวิตเขา คนเราจะ
อยู่คนเดียวตามลำพั ง ไม่ได้ ต้อง
พึ่งพาอาศัยกัน ทั้งในด้านกำลังกาย
กำลังความคิด และอื่นๆ ถ้าได้รับ
อุปการะจากผู้ใด ก็เรียกผู้นั้นว่า…. ผู้มี
บุญคุณหรือผู้มีพระคุณ ใครช่วยเหลือ
ให้อุปการะแก่เรา ก็ไม่ พึงลืมบุญคุณ
ของคนนั้น ผู้ไม่ลืมอุปการะที่ผู้อื่นมี
แก่ตน ย่อมเป็นผู้เจริญด้วย ลาภยศ
สรรเสริญ ไมตรี แต่ใครไม่รู้บุญคุณของ
ผู้อื่น หรือลบห ลู่ บุญคุณของผู้มีอุป ก าระ
ของตัวเอง ผู้นั้นจะเป็นผู้ ต่ำ ต้ อ ย ทำ
ความดีไม่ขึ้น เป็นคน อ า ภั พแม้จะ
พย าย ามขวนขวายยังไง ก็มักจะ
ล้ ม เ ห ล ว ไม่เป็นท่าเหมือนเดิม การ
ลบหลู่บุญคุณของผู้มีพระคุณ เขา
เรียกว่า…”การ เ น รคุณ”
การ เ น ร คุณเป็นตัว ก า ล กิ ณี จะคอย
ดึงให้คนเ น ร คุ ณ ต ก ต่ำ ไม่มีโอกาส
ที่จะมีความสุขได้ในชีวิตได้เลย เพราะ
ไม่มีความกตัญญู ไม่มีความเป็นผู้รู้คุณคน
จงคิดให้ได้เถิด เมื่อคิดได้แล้ว เปลี่ยน
นิสัยตัวเอง ได้ชดใช้ตามสมควรแล้ว ชีวิต
ก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ตามปัจจัยต่างๆ ที่
ควรจะเป็น กตัญญูรู้คุณคนแล้วตอบแทน
นี่แหละ!! สัญลักษณ์ของคนดี
ขอขอบคุณที่มา
ขอขอบคุณเจ้าของภาพ