เรากำลังก้าวเข้าสู่ “ยุคตัวกูของกู” ที่คิดถึงประโยชน์สุขส่วนตัวอย่างเต็มที่
1. เห็นแก่ตัวสูง
นอกจากจะแ ข่ งเรื่องหน้าตากันแล้ว ยังแข่งกันสวมหัวโขน แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น เอาแต่พวกพ้องตัวเอง
จนองค์กร หน่วยงาน บริษัท บางแห่ง ไม่สามารถมีคนเก่งๆเข้ามาทำงานได้ ผูกขาดตำแหน่ง หน้าที่
ให้แค่พวกพ้องตัวเอง ทำให้ขาดการพัฒนา ไม่สามารถต่อสู้แข่งขัน ได้ในเวทีระดับโลกได้
ทำให้บ้านเมืองล้าหลังลงไปเรื่อยๆ เพราะ ทุกคนต่างกอบโกยผลประโยชน์เข้าหาแต่พวกพ้องตัวเอง
2. ร ว ยทางลัด ร ว ยเร็ว
จะเห็นได้ว่า… กระแสเงิ นค ริ ปโตกำลังได้รับความนิยมสุดขีด ไม่ว่ามองไปทางไหนก็มีคนพูดถึง
เป็นหนทาง เป็นความหวังสู่การร ว ยเร็วของคนในยุคปัจจุบัน กระนั้น ความรวยจากค ริ ปโตใฝ่หา
เป็นความรวยแบบฉาบฉวยชั่วข้ามคืน ต้องการรวยแบบด่วนๆ มีเ งิ นหลักแสน หลักล้าน
ไว้ใช้ท่องเที่ยวลั้ลลา ซื้อสิ่งของฟุ่มเฟือย เพื่อถ่ายรูปลงโซเชียล เมื่อเ งิ นหมด
ก็กลับมาทำงานหาเงิ น น้อยคนนักที่จะเข้าใจตลาดจริงๆ วางแผลการลงทุนระยะยาว
อ ย่ างเป็นระบบ จนสามารถเอาตัวรอดได้ในทุกสภาวะตลาด
3. งามภายนอกบกพร่องภายใน
สมัยนี้คนเรามองเห็นคุณค่าความงามจากภายในน้อยมาก แต่ให้ความสำคัญกับความงาม
ภายนอกอ ย่ างมาก คนหน้าตาดีมักได้รับโอกาสดีๆ ต่างๆ มากมาย เช่น
ความก้าวหน้าด้านอาชีพการงาน การได้เป็นที่ยอมรับของสังคม ทำให้คนไม่ค่อย
ใส่ใจเรื่องการทำความดี การมอบสิ่งที่ดีๆ ให้แก่กัน แนวโน้มนี้ทำให้ธุรกิจเสริมความงามต่างๆ
เติบโตคึกคัก เช่นเดียวกับ Application เสริมแต่งรูปภาพบน smart phone
ที่กลายเป็นอุปกรณ์ขาดไม่ได้ของคนยุค Social Network
4. แ ย กตัวเองออกไม่เข้าสังคม
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมาย ที่ช่วยให้สามารถทำกิจกรรมหลายอ ย่ างได้ด้วยตัวเอง
โดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นไม้ถ่ายรูป selfie, App แผนที่ค้นหาเส้นทางท่องเที่ยว
หรือแม้แต่การทำงาน บนโลกอินเตอร์เ น็ ตมีคำตอบทุกอย่ า ง รวมไว้ที่เดียว
เมื่อไม่ต้องพึ่งพิงใครมาก คนรุ่นใหม่ จึงมีความแข็งกระด้าง ไม่ยอมโอนอ่อนให้ใครง่ายๆ
ในขณะที่ผู้ใหญ่รุ่นเก่าก็ไม่ยอมพัฒนาตัวเอง ไม่โอนอ่อนผ่อนตาม ทำให้เกิดช่องว่าง
ระหว่างวัยมากขึ้น ต่างฝ่ายต่างคิดว่าข้าดี ข้าเก่ง ข้าเจ๋งที่สุด ส่งผลให้การประสานงานต่างๆ
เป็นไปด้วยความไม่ราบรื่น กลายเป็นการประสานงาน
ขอขอบคุณที่มา