
ทำไม? “คนตกปลา ได้ขึ้นสวรรค์… คนฟังธรรม ได้ไปนรก” แปลกแต่เกิดขึ้นจริง
เรื่องมีอยู่ว่า…
คุณป้าคนหนึ่งชอบเข้าวัดฟังธ ร รมเป็นประจำ แต่นิ สั ยโดยปกติของป้าคนนี้ มักจะ
ชอบว่าให้คนที่ไม่ยอมเข้าวัด มองว่าเป็นคนบ า ปไม่รู้จักทำบุญ ไม่รู้จักฟังธ ร รม
วันหนึ่ง…คุณป้าก็ได้ไปวัดเพื่อทำบุญ และนั่งฟังธร ร มตามปกติ แต่สายตาก็เหลือบ
มองไปนอกศาลาวัด และเห็นชายคนหนึ่งกำลังยืนตกปล าอยู่ที่หนองน้ำ ที่ติดกับวัด
ในใจคุณป้าก็เอาแต่ต่อว่าให้คนตกปลา คนอะไรบาปก ร รม มาตกปลาใกล้วัด ไม่คิด
จะทำบุญทำทานกับเขาบ้างเลย ทั้งๆ ที่ไปนั่งฟังธร ร มแต่จิตใจก็ไม่จดจ่อกับการฟัง
ธร ร มเลย ไม่รู้จักปล่อยวางให้ใจเป็นสุข ในใจร้ อ นลุ่มไปด้วยความไม่พอใจ เห็นคน
ทำไม่ถูกใจตัวเองก็รู้สึกขวางหูขวางตา และจิตก็เอาแต่ด่าทอคนอื่นอยู่ตลอดเวลา
ในขณะที่คนตกปลา มองเข้าไปที่ศาลาวัด ก็ได้แต่อนุโมท น าบุญด้วย และพูดกับ
ตัวเองว่า…
“ผมไม่มีวาส น าได้ไปฟังธ ร รมแบบคนอื่น ต้องหาปลาเลี้ยงดูพ่อแม่ที่แก่ชรา
เพราะความจนจึงไม่มีทางเลือกมาก เกิดชาติหน้าขอให้ผมได้มีโอกาสสร้ า ง
บุญแบบพวกท่านๆ ด้วยเถิด สาธุ ปลาที่ติดเ บ็ ดมานี้ก็ขออ ย่ าได้จองเวรต่อกัน
อโหสิกร ร มให้กันด้วยเถิด”
คนตกปลาถึงจะไม่ได้นั่งฟังธ ร รม แต่จิตใจเขาก็ไม่เคยคิดร้ า ยต่อใคร มีแต่ภา ว น า
สาธุให้เกิดสิ่งดีๆ ตลอดเวลา คนที่เข้าวัดทำบุญบ่อยๆ แต่ไม่เคยพัฒนาจิตใจของตัวเอง
ให้สูงขึ้นได้เลย ในใจยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกโก ร ธเคือง และยกตนข่มท่านตลอด
เวลา ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปเข้าวัดเลย กับบางคนที่อาจจะไม่ได้เข้าวัดบ่อย แต่
เขาก็ฝึกฝนจิตใจของเขาอยู่สม่ำเสมอ คิดดี พูดดี ทำดี ไม่คิดร้ า ยให้ใคร
ถึงจะไปอยู่วัดนุ่งขาวห่มขาว 5 วัน 10 วัน ก็ไม่ใช่ว่าตัวเองกลายเป็นคนดีแล้ว จะไปเที่ยว
ตัดสินคนนั้นคนนี้ว่า…ผิ ด ไปหมด เพียงเพราะเขาไม่ได้ทำในแบบที่ตัวเองคิด ด้วยเหตุนี้
จึงเป็นที่มาของคำว่า… “เข้าวัดทำบุญ ตกน ร ก แต่ตกปลาทำบ า ป ได้ไปสวรรค์”
ขอขอบคุณที่มา
ขอขอบคุณเจ้าของภาพ