อย่าเชื่อทุกเรื่อง อย่าฟังความข้างเดียว เพราะมันมีสามด้านเสมอ เขียนไว้ดีมาก
อ ย่ าเชื่อทุกเรื่องที่คุณได้ยินและได้เห็นมา ในทุกๆ เรื่องที่เราได้ยิน ได้เห็นมา มันมี
สามด้ า นเสมอ นั่นคือ ด้ า นของเรา ด้านของเขา และด้ า นที่เป็นจริง บางครั้งคุณอาจ
จะกลายเป็นเครื่องมือไปสู่เป้าหมายของใครบางคนโดยไม่รู้ตัว…
การฟังความข้างเดียว…
ก็เป็นเสมือนกับการนิ น ท าว่าร้ า ย ผู้อื่น โดยไม่มีการพิสูจน์ความจริงจากคนเพียง
คนเดียว ทำให้เกิดการเข้าใจผิ ดกันอ ย่ า งกว้างขวาง เหตุเพราะเชื่อในสิ่งที่คนหนึ่งพูด
โดยไม่มีการสืบเ ส าะหาความจริง และอีกฝ่ายก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าตัวเองถูกเ ก ลี ย ดด้วย
เรื่องอะไร นานวันเข้าสังคมก็เกิดการแ ต กแยก เพียงเพราะคำพูดของคนที่ต้องการจะ
ทำล า ยผู้อื่น การเป่าเทียนคนอื่นให้ดับไป ไม่ได้ช่วยให้เทียนของเราสว่ า งขึ้น เครื่อง
บ่ งชี้วุฒิภาวะที่แท้จริง คือเมื่อมีบางคนทำเราเ จ็ บ แล้วเราพยายามเข้าใจเขา แทนที่
มั วคิดจะพยายามเอาคืน แล้วสังคมของเราก็จะน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ มันน่าก ลั วมากตรงที่
ส ม อ งหลอกเราได้ทุกอย่ า ง แม้กระทั่งห ล อ กตัวมันเอง… เมื่อเป็นเช่นนั้น เวลาเรา
เห็นผู้หญิงกับผู้ชายเดินมาด้วยกัน เราจะด่วนตัดสินเลยว่า “เขาเป็นแฟนกัน” ก็คงไม่ได้
เพราะเราไม่ได้รู้เรื่องราวชีวิต และความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งหมด… เขาอาจเป็นเพื่อน
เป็นพี่ เป็นน้อง คนรู้จักกัน หรืออาจมีความสัมพันธ์ที่ไม่มีใครเข้าใจก็ได้ เวลาเห็นคนสอง
คนเดินมาด้วยกัน เราจะมองท่าทีแล้วด่วนตัดสินเลยว่า “เขาเพิ่งทะเ ล าะกันมา” ก็คง
ไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ความสัมพัน ธ์ ของเขา นั่นเป็นเรื่องของคนสองคน เรื่องราวบางอย่ า ง
ซับซ้อนกว่านั้น เรื่องที่เราฟังจากคนๆ หนึ่ง อาจมีความจริงอยู่น้อย หรืออาจจะแตกต่าง
จากความจริงไปเลยก็ได้
การนำเรื่องนั้นไปบอกเล่าใครๆ หรือการยื่นมือไปช่วยเหลือโดยไม่ทันพิจาร ณ า ก็อาจจะ
เป็นการสร้างปัญ ห าให้คนสองคนนั้นเพิ่มขึ้นก็ได้ จนกลายเป็นสิ่งที่ไปทำร้ า ยพวกเขา
ถึงแม้ว่ามันจะเกิดจากความหวังดีของเราก็ตามที ภาพที่เห็น อาจจะไม่จริงทั้งหมดก็ได้
ภาพที่เห็น อาจตรงกันข้ามกับความเป็นจริงไปเลยก็ได้ ภาพที่เห็น อาจจะไม่ใช่ความจริง
เพราะเป็นสิ่งที่เราปรุงแต่งขึ้นก็ได้ ฉะนั้น…ควรที่เราทุกคน ต้องมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้
เ สี ยก่อน แล้วจึงจะตัดสินใจที่จะพูด จะลือ จะเชื่อ หรือจะช่วยทำอะไร ยุคเรามีคนพันธุ์ใหม่
ที่ใจก ล้ าหน้าด้ า น กล้าดร า ม่ าออกสื่อหลอกลวงประชาชน เป็นฝ่ายกระทำ กลับบอกว่า
เป็นฝ่ายถูกกระทำ เป็นฝ่ายผิ ด แต่แสดงหลักฐานเท็จว่าอีกฝ่ายผิ ด เป็นฝ่ายเ ล ว แต่บีบ
น้ำ ต าจนหน้าตาเหมือนฝ่ายดี อาศัยความเชื่อที่ว่า แฉก่อนได้เปรียบ พูดก่อนถูกกว่า….
ผู้คนจำข้อมูลแรกของฝ่าย แ ฉก่อนเป็นหลัก ซึ่งนั่นก็อาจจริง หากใส่ไคล้กันในวงแคบ
แต่ถ้า “เรื่องถึงโซเชียลฯ” ทุกอย่ า งจะกลับตาลปัตร เพราะผู้คนในโซเชี ย ล ฯ พัฒนา
กลุ่มนักสืบ นักล้ ว ง นักคุ้ ย อดีต นักแสดงหลักฐานประจาน และนับวันก็ยิ่งรวมตัวเป็นกลุ่ม
เป็นก้อน แบบไม่ต้องรู้จักกันมากขึ้นทุกที บางคนเคยออกตัวแ ร ง เชียร์ผิ ดข้าง สุดท้าย
ความแ ต ก ผู้ร้ า ยตัวจริงถูก แ ฉ ปล่อยให้กองเชียร์เ งิ บเป็นแถบ ซึ่งแบบนี้พอหลายครั้ง
เข้า ก็กลายเป็นประสบการณ์ “เ ข็ ดหมู่” ร่วมกันไป ความเ ข็ ดนั่นเองคือ การเรียนรู้ ที่จะ
ฟังความสองข้างให้ชัดๆ ไม่ด่ ว นออกตัวแรงตามความส ง ส า ร หรือตามเนื้อหาที่ใคร
ดร า ม่ าให้ดูเป็นคนแรก เมื่อไม่ฟังความข้างเดียวก็ได้ชื่อว่าไม่หูเบา มีความหนักแน่น รู้จัก
เผื่อใจรับฟังรอบด้าน ซึ่งจะติดนิ สั ยชนิดนี้จากโซเชียลฯ หรือจากในบ้าน จากในที่ทำงาน
ก็ต้องนับว่าดี มีส ติ ยั้ งคิด ไม่วู่วาม ไม่โดนชักจูงง่าย การเลิกฟังความข้างเดียว น่าจะต่อยอด
เป็นการเ ลิ ก ตั ด สิ น ตามอารมณ์ได้หรือไม่? คำตอบดูเหมือนจะไม่!
ขอขอบคุณเจ้าของบทความและที่มา
ขอขอบคุณเจ้าของภาพ